การ แต่งงาน คือหนึ่งในวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคู่รักทุกคู่ เป็นวันที่เต็มไปด้วยความรัก ความอบอุ่น และความทรงจำที่ไม่มีวันลืม แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นวันที่ต้องการการวางแผนอย่างละเอียดรอบคอบ ตั้งแต่การเลือก สถานที่จัดงานแต่ง การเตรียมชุด การจัดเลี้ยง ไปจนถึงเรื่องเล็ก ๆ อย่างของชำร่วยและดอกไม้ โดยเฉพาะสองสิ่งสำคัญที่คู่รักหลายคู่กังวลมากที่สุด คือ “ค่าใช้จ่ายงานแต่ง” และ “ฤกษ์จัดงานแต่ง”
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักขั้นตอนการวางแผนงานแต่งงานให้ลงตัวทั้งในเรื่องงบประมาณและฤกษ์งามยามดี เพื่อให้วันสำคัญของคุณสวยงามที่สุดโดยไม่เกินงบ!
🌸 เริ่มต้นวางแผนงาน แต่งงาน ด้วยเป้าหมายและสไตล์ที่ชัดเจน
ก่อนจะลงรายละเอียดเรื่องงบประมาณหรือ ฤกษ์จัดงานแต่ง สิ่งแรกที่คู่รักควรทำคือ “ตั้งเป้าหมายและสไตล์ของงาน” ว่าต้องการให้งานออกมาแบบไหน เช่น
-
งานแต่งเล็ก ๆ ในสวนกลางแจ้งแบบอบอุ่น
-
งานหรูหราภายในโรงแรมระดับ 5 ดาว
-
งานเรียบง่ายแต่สื่อถึงตัวตนของคู่บ่าวสาว
เมื่อกำหนดแนวทางได้แล้ว การวางแผนเรื่อง ค่าใช้จ่ายงานแต่ง ก็จะง่ายขึ้น เพราะคุณจะสามารถจัดลำดับความสำคัญของแต่ละส่วน เช่น เน้นตกแต่งสถานที่ หรือลดงบในส่วนของของชำร่วย เป็นต้น

💰 เคล็ดลับจัดการ ค่าใช้จ่ายงานแต่ง ไม่ให้บานปลาย
หลายคู่มักประเมินค่าใช้จ่ายต่ำเกินไป จนงบเกินจริงในภายหลัง การจัดการงบประมาณจึงเป็นหัวใจสำคัญของการ แต่งงาน ที่ราบรื่น
1. กำหนดงบประมาณโดยรวม
เริ่มจากตั้งงบรวม เช่น 300,000 / 500,000 หรือ 1,000,000 บาท แล้วค่อยกระจายไปตามหมวดหมู่ เช่น
-
สถานที่และอาหาร 40%
-
ชุดบ่าวสาว 10%
-
ตกแต่งและดอกไม้ 15%
-
ของชำร่วยและของรับไหว้ 5%
-
ค่าเชิญแขก / การ์ด / ของตกแต่ง 10%
-
ทีมถ่ายภาพและวิดีโอ 10%
-
สำรองเผื่อฉุกเฉิน 10%
2. เลือกสถานที่อย่างคุ้มค่า
การเลือก สถานที่จัดงานแต่ง เป็นปัจจัยใหญ่ที่มีผลต่อค่าใช้จ่ายทั้งหมด หากเลือกสถานที่ที่มีแพ็กเกจครบ ทั้งอาหาร ดอกไม้ และทีมงาน จะช่วยประหยัดงบได้มากกว่าการจัดแยกหลายเจ้า
3. ใช้โปรโมชั่นจากงาน Wedding Fair
สถานที่จัดงานหลายแห่งมักจัด Open House หรือ Wedding Fair พร้อมส่วนลดพิเศษ เช่น ลดค่าอาหาร 30-50% หรือแถมของตกแต่งฟรี ซึ่งเป็นโอกาสดีในการลดต้นทุนโดยไม่ลดคุณภาพ
🗓 การเลือก ฤกษ์จัดงานแต่ง ที่เหมาะกับคู่ของคุณ
เรื่องของฤกษ์ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่คู่รักชาวไทยให้ความสำคัญ เพราะเชื่อว่า “ฤกษ์ดี” จะนำมาซึ่งความเป็นสิริมงคลและความสุขตลอดชีวิตคู่
1. ฤกษ์มงคลตามตำรา
ในแต่ละปีจะมี “ฤกษ์แต่งงานมงคล” ที่คำนวณตามหลักโหราศาสตร์ ซึ่งนิยมดูจากวันดีตามเดือนเกิดของคู่บ่าวสาว เช่น วันเสาร์ไม่ควรแต่ง เพราะเชื่อว่า “ทุกข์จะติดตาม” ขณะที่วันอาทิตย์หรือวันพฤหัสบดีถือเป็นวันดีที่เหมาะกับการเริ่มต้นชีวิตคู่
2. เลือกฤกษ์ตามความสะดวก
ในบางกรณี คู่รักอาจเลือก ฤกษ์จัดงานแต่ง ตามวันหยุดยาว เพื่ออำนวยความสะดวกแก่แขกผู้มาร่วมงาน โดยยังสามารถทำพิธีตามความเชื่อของตนได้ เช่น ทำพิธีสงฆ์ตอนเช้า และจัดเลี้ยงเย็นในวันเดียวกัน
3. ฤกษ์ฤดูยอดนิยม
-
ช่วงปลายปี (พ.ย.–ธ.ค.) อากาศเย็น เหมาะกับงานกลางแจ้ง
-
ต้นปี (ม.ค.–ก.พ.) เหมาะกับงานธีมโรแมนติกหรือธีมสีพาสเทล
-
กลางปี (พ.ค.–ส.ค.) ราคาสถานที่อาจถูกลง เหมาะสำหรับผู้ที่อยากประหยัดงบ
💐 ผสานงบประมาณและฤกษ์ดีให้ลงตัวในวัน แต่งงาน
การวางแผนที่ดีคือการเชื่อมสองสิ่งนี้เข้าด้วยกัน — เมื่อได้ ฤกษ์จัดงานแต่ง ที่ต้องการแล้ว ควรรีบจองสถานที่ทันที เพราะฤกษ์ดีมักเต็มเร็ว โดยเฉพาะในเดือนยอดนิยม การจองล่วงหน้าจะช่วยควบคุม ค่าใช้จ่ายงานแต่ง ได้ดีกว่า
หากเลือก สถานที่จัดงานแต่งในสวน ก็สามารถตกแต่งด้วยธีมธรรมชาติ เช่น Rustic หรือ Boho ซึ่งใช้งบไม่สูงแต่ได้บรรยากาศอบอุ่นสวยงาม แถมเหมาะกับงานขนาดเล็กที่เน้นความใกล้ชิดกับแขก

🎁 สรุป : เริ่มต้นวันแห่งความรักด้วยการวางแผนอย่างชาญฉลาด
การ แต่งงาน ที่สมบูรณ์แบบไม่ได้หมายถึงความหรูหราเพียงอย่างเดียว แต่คือการจัดสรรทุกอย่างให้เหมาะกับตัวตนของคุณ ทั้งในเรื่องของ ค่าใช้จ่ายงานแต่ง ที่ไม่เกินงบ และการเลือก ฤกษ์จัดงานแต่ง ที่เป็นมงคล เพื่อให้ทุกช่วงเวลาของวันสำคัญนี้กลายเป็นความทรงจำที่สวยงามที่สุดในชีวิตคู่
